สรุปผลการแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2562

ผ่านกันไปแล้วกันศึกพรีเมียร์ลีกนัดที่ 15 ทีมใหญ่ในสัปดาห์นี้เก็บแต้มได้หมดไม่มีทีมไหนพลาด ผลเป็นยังไงเราสรุปมาให้ท่านได้อ่านกันแล้วที่นี่ S5SZ

เชลซี 2-1 แอสตัน วิลล่า
ผู้ทำประตู : 1-0 แทมมี่ อับราฮัม 24′, 1-1 เทรเซเกต์ 41′,  2-1 เมสัน เมาท์ 48′
———————————————————-

24′
GOALLL! อับราฮัม โขกให้เชลซีนำ 1-0
หลังจากพยายามอย่างหนัก เชลซี ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 โดยเป็นแนวรับของวิลล่าที่เช็คล้ำหน้ากันผิดพลาด รีซ เจมส์ ครอสบอลไปเข้าหัว แทมมี่ อับราฮัม โหม่งเข้าไป

41′
GOALLL! เทรเซเกต์ ตีเสมอให้วิลล่า 1-1
หลังจากได้บุกมาสักพัก วิลล่า มาได้ลูกตีเสมอจาก เทรเซเกต์ ที่โหม่งแล้วไปกระเด้งโดนขาตัวเองเข้าไป ซึ่งจังหวะนี้ต้องชม โมฮาเหม็ด เอล โมฮามาดี้ ที่ครอสบอลเข้ามาด้วย

48′
GOALLL! เมาท์ วอลเล่ย์ให้เชลซีนำอีกครั้ง 2-1
เริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน เชลซี ขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ วิลเลี่ยน ครอสบอลมาให้ อับราฮัม พักอกย้อนหลังให้กับ เมาท์ วอลเล่ย์เข้าไปอย่างสวย สกอร์เป็น 2-1 และเป็นประตูชัยให้เจ้าถิ่นคว้า 3 แต้มไปครองได้สำเร็จ

เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 วัตฟอร์ด
ผู้ทำประตู : 1-0 เจมี่ วาร์ดี้ 55′, 2-0 เจมส์ แมดดิสัน 90+5
———————————————————-

55′
GOALLL!  เลสเตอร์ได้จุดโทษ! วาร์ดี้ ซัดให้เจ้าถิ่นนำ 1-0
เลสเตอร์มาได้จุดโทษ หลังจากที่ เอเตียนน์ กาปู ไปกางแขนฟาดหน้าใส่ จอนนี่ อีแวนส์ ในกรอบเขตโทษ กรรมการเช็ค VAR แล้วชี้เป็นจุดโทษให้เจ้าถิ่น และเป็น เจมี่ วาร์ดี้ ซัดสวนตัว เบน ฟอสเตอร์ ที่ขาตายเข้าไป

90+5′
GOALLL! แมดดิสัน ยิงปิดกล่อง 2-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจมส์ จัสติน แบ็คขวาเจ้าถิ่นโหม่งบอลมาให้ เจมส์ แมดดิสัน ลากบอลจากกลางสนามก่อนจะซัดด้วยซ้ายผ่าน ฟอสเตอร์ เข้าไปนิ่ม ๆ ช่วยให้จิ้งจอกสยามปิดกล่องด้วยสกอร์ 2-0 พร้อมกับแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเป็นรองจ่าฝูงอีกครั้ง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ผู้ทำประตู : 1-0 มาร์คัส แรชฟอร์ด 6′, 1-1 เดเล่ อัลลี่ 39′, 2-1 แรชฟอร์ด 49′ (จุดโทษ)
———————————————————-

6′
GOALLL! แรชฟอร์ดยิงสุดคมช่วยผีนำก่อน 1-0
เริ่มเกมได้ไม่นานกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เล่นได้อย่างคึกคักในช่วงแรกแล้วพวกเขาก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเลย เมื่อ เฟร็ด แทงบอลมาเข้าทาง เจสซี่ ลินการ์ด แล้วโดน ดาวินซอน ซานเชซ สกัดบอลไปเข้าทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่แต่งบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงอัดเสาแรกติดมือ เปาโล กาซซานิก้า เล็กน้อยเข้าไป 1-0

39′
GOALLL! อัลลี่อินฟอร์ม เกี่ยวบอลยิงเหนือชั้น 1-1
หลังจากบุกอยู่นาน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไปแผ่วซะดื้อ ๆ จนโดน สเปอร์ส ที่เป็นฝ่ายบดบ้างและได้ประตูตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อ แยน แฟร์ทองเก้น ครอสบอลจากทางซ้าย บอลหลุดมาถึง แซร์จ ออริเยร์ ยิงมุมแคบติดเซฟ ดาบิด เด เคอา แต่บอลเจ้ากรรมลอยไปไหนเหลี่ยมของ เดเล่ อัลลี่ เกี่ยวบอลหนีตัวประกบสองคนยิงผ่านมือนายด่านชาวสแปนิชอย่างเหนือชั้น สเปอร์สตามตีเสมอ 1-1 แล้ว

49′
GOALLL! แรชฟอร์ดสังหารจุดโทษให้ผีนำ 2-1
เริ่มต้นครึ่งหลังได้ไม่นาน แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้จุดโทษ เมื่อแรชฟอร์ดได้จังหวะกระชากหนี มุสซ่า ซิสโซโก้ เข้าไปในเขตโทษแล้วโดนสะกิดขาล้มลง กรรมการชี้ให้จุดโทษแบบไม่ต้องดู VAR เลย และเป็นแรชฟอร์ดคนเดิมที่รับหน้าที่สังหารเข้าไม่มีพลาด แมนฯ ยูไนเต็ดชนะ 2-1

เซาแธมป์ตัน 2-1 นอริช ซิตี้
ผู้ทำประตู : 1-0 แดนนี่ อิงส์ 22′, 2-0 ไรอัน เบอร์ทรานด์ 43′, 2-1 ตีมู ปุ๊กกี้ 65′
———————————————————-

22′
GOALLL! อิงส์โขกหายให้นักบุญนำ 1-0
เซาแธมป์ตัน มาได้ลูกฟรีคิกจากกราบซ้าย เจมส์ วอร์ด-พราวส์ เปิดโค้ง ๆ เข้าศีรษะของ แดนนี่ อิงส์ ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มโหม่งเข้าไปไม่มีเหลือ

43′
GOALLL! เบอร์ทรานด์ได้ยิงจากลูกเตะมุมเจ้าถิ่นนำห่าง 2-0
เจ้าถิ่นมาได้ลูกเตะมุมจากด้านขวา วอร์ด-พราวส์ รับหน้าที่เปิด บอลลอยไปเข้าทาง เชน ลอง ที่โหม่งชงไปหา ไรอัน เบอร์ทรานด์ ตวัดด้วยขวาที่ไม่ถนัดเข้าไป

65′
GOALLL! ปุ๊กกี้ปาร์ตี้ ซัดเสาแรกให้นอริชตีไข่แตก 2-1
นอริช มาได้ลูกตีไข่แตกจากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์ เท็ตเทย์ แทงบอลมาให้ ตีมู ปุ๊กกี้ แต่งบอลด้วยขวาเข้าเขตโทษ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายผ่านมือ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ย์ ไปที่เสาแรก แต่ไม่ทันการแพ้ไป 2-1

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ผู้ทำประตู : 1-0 เลอันเดอร์ เดนดองเคอร์ 23′, 2-0 แพทริค คูโตรเน่ 86′
———————————————————-

23′
GOALLL! เดนดองเคอร์สอดยิงให้เจ้าถิ่นนำ 1-0
วูล์ฟแฮมป์ตัน มาได้ลูกเตะมุมจากกราบซ้าย เจา มูตินโญ่ เปิดเข้ามา เลอันเดอร์ เดนดองเคอร์ เอาชนะตัวประกบอย่าง ไรอัน เฟรเดอริคส์ ถีบบอลเข้าไปในชนิดที่ เดวิด มาร์ติน ได้แต่ใช้สายตาเซฟ

86′
GOALLL! คูโตรเน่ ซูเปอร์ซับยิงปิดกล่อง 2-0
เจ้าถิ่นได้ลูกสวนกลับ เจา มูตินโญ่ ยกบอลให้ จอนนี่ อ็อตโต้ ลากตัดเข้ามาในจนเกือบจะเสียจังหวะ แต่บอลมาเข้าทาง เปโดร เนโต้ แตะบอลมาเข้าทางปืนของ แพทริค คูโตรเน่ ที่รับบทเป็นซูเปอร์ซับยิงหักข้อที่เสาแรกเข้าไป

ลิเวอร์พูล 5-2 เอฟเวอร์ตัน
ผู้ทำประตู : 1-0 ดิว็อค โอริกี้ 6′, 2-0 เซอร์ดาน ชากิรี่ 17′, 2-1 ไมเคิ่ล คีน 21′, 3-1 ดิว็อค โอริกี้ 31′, 4-1 ซาดิโอ มาเน่ 45′, 4-2 ริชาร์ลิซอน 45+3′, 5-2 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม 90′
———————————————————-

6′
GOALLL! โอริกี้อีกแล้ว! แตะหนีพิคฟอร์ดยิงให้หงส์นำ 1-0
เริ่มเกมได้ไม่นาน ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะสวนกลับเร็วที่ ซาดิโอ มาเน่ ลากขึ้นมาจากกลางสนามก่อนจะแทงด้วยซ้ายเข้าหา ดิว็อค โอริกี้ แตะหนีก่อน จอร์แดน พิคฟอร์ด แล้วยิงแบบโล่ง ๆ 1-0

17′
GOALLL! มาเน่แอสซิสต์ ชากิรี่ยิงตามน้ำ 2-0
จากจังหวะสวนกลับเร็วอีกครั้ง และเป็น มาเน่ คนเดิมที่โยกจากกราบซ้ายตัดเข้าด้านในก่อนไหลทะลุช่องให้กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ วิ่งสอดมายิงด้วยซ้ายข้างถนัดแบบตามน้ำเข้าไป

21′
GOALLL! ลอฟเรนสกัดไม่ดี คีนได้ยิงตีไข่แตก 2-1
จังหวะนี้ต้องโทษเกมรับของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ เดยัน ลอฟเรน ที่ดันสกัดบอลจากการเปิดของ อเล็กซ์ อิโวบี้ ไม่เด็ดขาด บอลไปเข้าทาง ไมเคิ่ล คีน ยิงลอดแขน อาเดรียน หงส์อดคลีนชีตอีกแล้ว

31′
GOALLL! โอริกี้ขอสอง! ดูดบอลนิ่มยิงสุดงาม 3-1
ต้องยกเครดิตให้กับ โอริกี้ เลยจังหวะนี้ เมื่อทาง เดยัน ลอฟเรน วางบอลยาวจากแดนตัวเองไปให้กับดาวยิงชาวเบลเยียมที่ดูดบอลลงพื้นอย่างเหนือชั้นก่อนจะแปด้วยขวาสวนตัว พิคฟอร์ด เข้าไปแบบสวยสดงดงาม

45′
GOALLL! มาเน่ขอบ้างยิงให้หงส์หนีห่าง 4-1
อะไร ๆ ก็ดูเข้าข้างเจ้าถิ่นหมดเมื่อพวกเขามาได้ประตูขึ้นนำห่างจากจังหวะสวนกลับอีกแล้ว โดยครั้งนี้เป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ตะบึงจากแดนตัวเองทางกราบซ้ายก่อนจะจิ้มบอลให้ มาเน่ วิ่งมาแปด้วยซ้ายโค้งหนีมือ พิคฟอร์ด ซุกก้นตาข่าย

45+3′
GOALLL! ริชาร์ลิซอนใช้ไหล่บวกสกอร์ให้ทอฟฟี่ไล่เป็น 4-2
บทจะเสียก็เสียแบบดื้อ ๆ สำหรับลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาโดน เอฟเวอร์ตัน ลงโทษจากจังหวะที่ แบร์นาร์ด ตัวสำรองได้บอลจากทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลาง ลอฟเรน สกัดไม่โดน แล้วเป็น ริชาร์ลิซอน ที่ทิ้งตัวโหม่งบอลไปโดนหัวไหล่เข้าประตูไป

90′
GOALLL! จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ซัดด้วยขวาตอกฝาโลงให้หงส์ 5-2
จังหวะนี้ต้องชม โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ ที่ใช้สเต็ปหลอก เมสัน โฮลเกต จนเสียท่า ก่อนจะแปะคืนให้กับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม แต่งบอลทีนึงแล้วตะบันด้วยขวาเสียบเสาไกลเข้าไปไม่พลาดชนะไป 5-2

เบิร์นลี่ย์ 1-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผู้ทำประตู : 0-1 กาเบรียล เชซุส 24′, 0-2 กาเบรียล เชซุส 50′, 0-3 โรดรี้ 68′, 0-4 ริยาด มาห์เรซ 87′, 1-4 ร็อบบี้ เบรดี้ 89′
———————————————————-

24′
GOALLL! เชซุสปั่นโค้ง ๆ ซิตี้ออกนำ 1-0
ปลดล็อกประตูแรกได้สำเร็จสำหรับเรือใบสีฟ้า จากจังหวะสวนกลับที่ กาเบรียล เชซุส ได้บอลมาจาก ดาบิด ซิลบา จากหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เชซุส ลากจี้ ฟิล บาร์ดสลี่ย์ ก่อนจะปั่นโค้ง ๆ เสียบเสาสองสวยสดงดงาม

50′
GOALLL! เชซุสเบิ้ลให้ตัวเองช่วยเรือนำห่าง 2-0
เริ่มต้นครึ่งหลังได้ไม่นาน ซิตี้ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เปิดบอลจากกราบขวาเข้าไปตรงกลาง เชซุส วิ่งมาโฉบตัดหน้า บาร์ดสลี่ย์ กระโดดยิงตุงตาข่าย

68′
GOALLL! โรดรี้วอลเล่ย์เต็มข้อตาข่ายแทบขาดนำ 3-0
สกอร์ขาดแล้วสำหรับซิตี้ โดยจังหวะนี้ ซิลบา ได้ลองยิงแต่ไปติดบล็อค เจฟฟ์ เฮนดริค แล้วบอลเด้งไปเข้าทางปืนของ โรดรี้ ก้าวเข้ามาวอลเล่ย์เต็มข้อโดนปลายมือของ นิค โป๊ป เล็กน้อย แต่แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีของลูกบอลเลย ตอนนี้เรือใบสีฟ้านำห่าง 3-0 แล้ว

87′
GOALLL! มาห์เรซลากซัดด้วยขวานิ่ม ๆ เรือนำ 4-0
แมนฯ ซิตี้ ยังไม่หนำใจเมื่อพวกเขามาได้ประตูหนีห่างเป็น 4-0 จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไหลบอลมาให้ ริยาด มาห์เรซ เลื้อยบอลไปเรื่อย ๆ ก่อนจะโยกด้วยขวาแล้วซัดด้วยขวาพุ่งเรียดหนีมือ โป๊ป เข้าไปเฉยเลย

89′
GOALLL! เรืออดคลีนชีต เบรดี้ตีไข่แตกให้เบิร์นลี่ย์ 4-1
คงทำเอา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อ ซิตี้ พลาดโอกาสเก็บคลีนชีต โดย เบิร์นลี่ย์ มาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่ เฮนดริค ไหลเข้ามาด้านใน แล้วเป็นตัวสำรองอย่าง ร็อบบี้ เบรดี้ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายผ่าน เอแดร์ซอน ที่พยายามปิดมุมเข้าไป 4-1