
โกลเด้น บอย อวอร์ด เป็นรางวัลที่มอบให้โดยผู้สื่อข่าวกีฬาสำหรับนักฟุตบอลดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปีที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปและทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบปีปฏิทิน
ตุ๊ตโต้สปอร์ต สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศอิตาลี เป็นคนจัดงานดังกล่าวเป็นครั้งแรกในปี 2003 และอยู่ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยมีเหล่าสตาร์ดังมากมายในอดีตที่เคยคว้ารางวัลดังกล่าวมาครองเมื่อสมัยยังเป็นแข้งดาวรุ่ง ซึ่งในปี 2019 กลายเป็นของ เจา เฟลิกซ์ แนวรุกทีมชาติโปรตุเกสของ แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าไปครอบครอง
อย่างไรก็ตามมาดูกันว่า 16 รายชื่อก่อนหน้านี้เป็นใครหน้าไหนกันบ้าง? แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
1. 2003 – ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม)
ฟาน เดอร์ ฟาร์ท สร้างชื่อให้ตัวเองตั้งแต่อยู่ค้าแข้งกับอาแจ็กซ์แล้ว เรื่องน่าทึ่งก็คือเขาได้เล่นอย่างสม่ำเสมอกับต้นสังกัดในวัยเพียง 17 ปี ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับอีกหลายสโมสรพร้อมกับคว้าแชมป์มากมายไม่ว่าจะเป็น ฮัมบูร์ก, เรอัล มาดริด, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, เรอัล เบติส, มิดทิลแลนด์ ก่อนจะรีไทร์กับ เอสเบิร์ก เมื่อปลายปี 2018
2. 2004 – เวย์น รูนี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน/แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูนี่ย์ คือหนึ่งในดาวยิงแห่งประวัติศาสตร์ของทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ หลังจากที่ฝากผลงานด้วยการเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของทั้งปีศาจแดงและสิงโตคำราม เขาคว้าแชมป์มากมายตอนค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนจะเลยจุดอิ่มตัวย้ายไปค้าแข้งยัง เอฟเวอร์ตัน, ดีซี ยูไนเต็ด และล่าสุดมารับบทบาทเป็นนักเตะควบโค้ชให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ซึ่งจะร่วมงานอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมนี้
3. 2005 – ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)
ไม่ต้องสาธยายความยอดเยี่ยมของเมสซี่เลย เพราะทุกคนรู้จักพิษสงของแข้งรายนี้ดี แม้จะอยู่ค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าเพียงสโมสรเดียวในระดับซีเนียร์ แต่เชื่อว่าเขาถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นหนึ่งในนักเตะผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเลยทีเดียว คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยสำหรับวงการฟุตบอลหากยอดดาวยิงรายนี้ต้องโบกมือลาในอนาคต
4. 2006 – เชส ฟาเบรกาส (อาร์เซน่อล)
ฟาเบรกาส โดดเด่นอย่างมากเมื่อสมัยค้าแข้งกับอาร์เซน่อล จนได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมในวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น แม้ตอนนี้อาจไม่ใช่ขวัญใจเดอะ กันเนอร์ส เหมือนก่อน เนื่องจากย้ายไปเล่นให้กับคู่แข่งอย่าง เชลซี แต่ความยอดเยี่ยมของเขายังคงตรึงตาแฟนบอลอยู่เสมอ โดยตอนนี้เขายังค้าแข้งอยู่กับ อาแอส โมนาโก
5. 2007 – เซร์คิโอ อเกวโร่ (แอตเลติโก มาดริด)
เมื่อคุณได้เดบิวต์กับสโมสรชุดใหญ่ในวัยเพียง 15 ปี ผู้คนจะต้องคาดหวังจากคุณเสมอ ซึ่งคล้ายกับกรณีของ เฟร็ดดี้ อาดู ที่ขึ้นมาเล่นให้ชุดใหญ่ในวัย 14 ปี ก่อนจะดับในเวลาต่อ อย่างไรก็ตามเคสดังกล่าวไม่ได้เหมือนกับของ อเกวโร่ เมื่อเขาสามารถยกระดับตัวเองได้เรื่อย ๆ จนตอนนี้ก้าวมาเป็นตำนานกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสถิติยิงประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
6. 2008 – อันแดร์สัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
นี่คือนักเตะที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตื่นเต้นมาก ๆ ตอนที่คว้าตัวมาใหม่ ๆ ไม่น่าเชื่อว่านอกจากแชมป์แล้วผลงานในสนามของเขาไม่ได้ถูกจดจำมากนัก โดยเฉพาะการต้องรอเกือบ 80 นัดกว่าจะยิงให้ต้นสังกัดได้ ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเขาตกต่ำลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ย้ายออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเขาเพิ่งแขวนสตั๊ดกับ อดาน่า เดมีร์สปอร์ ทีมดิวิชั่น 2 ของตุรกี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น
7. 2009 – อเล็กซานเดร ปาโต้ (เอซี มิลาน)
นี่คือตัวอย่างของนักเตะที่โดนอาการบาดเจ็บลักพาตัวจนไปจำกัดศักยภาพของตัวเอง ปาโต้ สร้างชื่อกระฉ่อนให้กับวงการฟุตบอลเมื่อค้าแข้งอยู่กับ เอซี มิลาน แต่กราฟชีวิตของเขาก็ตกต่ำคล้าย ๆ กรณีของ อันแดร์สัน เมื่อย้ายจากทีมปีศาจแดงดำโดยตอนนี้เขาอยู่รับใช้สโมสรบ้านเกิดอย่าง เซา เปาโล
8. 2010 – มาริโอ บาโลเตลลี่ (อินเตอร์ มิลาน/แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
นี่คือนักเตะที่มีความเกรียนกับทักษะในด้านฟุตบอลพอ ๆ กัน บาโลเตลลี่ ดังเป็นพลุแตกตอนเป็นดาวรุ่งกับ อินเตอร์ มิลาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาถูกคาดหวังจากฟุตบอลอิตาลีมากแค่ไหนในตอนนั้น แต่ด้วยความเป็นอารมณ์ศิลปินของเจ้าตัวทำให้เหมือนไปไม่สุดถึงขีดความสามารถของตัวเอง ซึ่งหลังจากอยู่ค้าแข้งในต่างแดนมานานเขาก็กลับไปเล่นยังบ้านเกิดที่ เบรสชา ในปัจจุบัน
9. 2011 – มาริโอ เกิทเซ่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
คล้าย ๆ กรณีของ ปาโต้ ที่ดังมาก ๆ เมื่อสมัยดาวรุ่ง แต่การย้ายไปเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดสำหรับ เกิทเซ่ แม้จะได้แชมป์ตามที่หวัง แต่เขาถูกจำกัดโอกาสลงสนามบวกกับอาการบาดเจ็บทำให้ฟอร์มดร็อปลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้ต้องระเห็จย้ายกลับมาเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ อีกครั้ง
10. 2012 – อิสโก้ (มาลาก้า)
ฉายแววความเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งจนได้รับความสนใจจากเหล่ายักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป จนกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่คว้าลายเซ็นไปครอบครอง แม้จะเคยเป็นตัวหลักมาพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ อิสโก้ ตอนดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาโอกาสลงสนามเนื่องจากการแข่งขันภายในทีมที่สูงขึ้น
11. 2013 – ปอล ป็อกบา (ยูเวนตุส)
ต้องขอบคุณ ยูเวนตุส ที่สามารถปลดเปลื้องความสามารถของเขาได้ เรียกได้ว่าตอนนั้นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงต้องเสียดายกันบ้างแหละ แต่หลังจากสร้างชื่อให้ตัวเองได้พอสมควร ดาวเตะเฟรนช์แมนก็ยอมย้ายกลับมาเล่นให้ปีศาจแดงอีกครั้งด้วยค่าตัวสถิติโลกในเวลานั้นเมื่อปี 2016 แม้ว่าฟอร์มการเล่นโดยรวมอาจไม่ได้ถึงขั้นตอนอยู่ ยูเวนตุส ก็ตาม
12. 2014 – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (ลิเวอร์พูล)
ไม่น่าเชื่อว่า สเตอร์ลิ่ง จะสามารถยกระดับตัวเองจนเป็นแข้งระดับแนวหน้าของโลกได้ในปัจจุบัน ซึ่งสมัยที่ค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล เขาก็ฉายแววรุ่งพอสมควร แต่เจ้าตัวดันไปสร้างความร้าวฉานกับแฟนบอลหงส์แดงเมื่อขอขึ้นบัญชีย้ายทีมจนได้มาเป็นดาวเตะคนสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
13. 2015 – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (อาแอส โมนาโก/แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
เชื่อว่าตอนย้ายมาใหม่ ๆ หลายคนยังด่า หลุยส์ ฟาน กัล อยู่เลยว่าไปเอาเด็กที่ไหนในราคาแสนแพง แต่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ เมื่อเขาระเบิดฟอร์มได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา โดยเฉพาะการยิงประตูในนัดเดบิวต์ช่วยให้ ยูไนเต็ด เอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ได้
14. 2016 – เรนาโต้ ซานเชส (เบนฟิก้า/บาเยิร์น มิวนิค)
นี่คงเป็นตัวอย่างหนึ่งของการย้ายทีมแบบก้าวกระโดดมากเกินไป ซานเชส สร้างชื่อกระฉ่อนตอนอยู่กับ เบนฟิก้า และเป็นตัวหลักในการช่วยให้ทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูโร 2016 แต่การย้ายไป บาเยิร์น ดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ผิดเพราะฟอร์มของเขาด่ำดิ่งลงเรื่อย ๆ จนต้องปล่อยยืมไปอยู่กับทีมอย่าง สวอนซี ซิตี้ แต่ฟอร์มก็ไม่กระเตื้อง จนตอนนี้ย้ายไปค้าแข้งกับ ลีลล์ เป็นการถาวร
15. 2017 – คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ (อาแอส โมนาโก/ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
เอ็มบั๊ปเป้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อค้าแข้งอยู่กับ อาแอส โมนาโก โดยเฉพาะพาทีมคว้าแชมป์ลีก เช่นเดียวกับการก้าวไปถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส ลีก ก่อนจะโดน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟุตบอล และถูกคาดหวังว่าจะก้าวไปคว้าบัลลงดอร์หลังหมดยุคของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่
16. 2018 – มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม)
ด้วยผลงานและวุฒิภาวะที่ล้ำเกินวัยซึ่งไม่แปลกเลยว่าทำไมเหล่าบรรดายักษ์ใหญ่อยากเซ็นสัญญากับเขาไปร่วมทีม เดอ ลิกต์ ก้าวมาเป็นกัปตันทีมอาแจ็กซ์ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น พร้อมกับเป็นเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ภายในประเทศ เช่นเดียวกับการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าการไปเล่นกับ ยูเวนตุส อาจไม่ได้โดดเด่นมากนักในตอนแรกซึ่งหนักไปทางน่าผิดหวังมากกว่า แต่เขาฟอร์มของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะหลัง